ในการประชุมสภาคองเกรสหรัฐฯ เมื่อคืนวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2021 ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อประกาศรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา โดยข้อสรุปของผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนั้น โจ ไบเดน เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ โดยในระหว่างการประชุมสภาร่วมระหว่างสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภาเพื่อยืนยันผลคะแนนโหวตจากคณะผู้เลือกตั้ง กลุ่มผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อเหตุจลาจลโดยบุกเข้าไปยังในพื้นที่ของสภาคองเกรส สหรัฐฯ ทำให้การรับรองผลการเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นต้องหยุดชะงัก หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีการเสริมกำลังจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเพื่อควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผลจนถึงวันที่ 24 มกราคม โดยครอบคลุมถึงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ โจ ไบเดน ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20 มกราคม นี้ด้วย ภาพที่ได้ปรากฏขึ้นบนสื่อต่างๆ นั้นได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีการนำกองกำลังทหารสหรัฐเข้ามาใช้ในการปราบปรามจลาจลของผู้ชุมนุมในเมืองต่างๆ ของประเทศ แต่สิ่งที่เราเห็นในภาพนั้นในความเป็นจริงแล้วก็คือ กำลังพลอาสาสมัครเท่านั้น หรือที่เรียกกันว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ National Guard หาใช่กองกำลังทหารจากกองทัพ การสั่งการให้กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ทำให้หลายคนสงสัยว่า กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิคือหน่วยงานอะไร และทำไมสหรัฐฯต้องใช้ทหารในการควบคุมประชาชน เราจะไปทำความรู้จักกองกำลังทหารที่ถูกฝึกมาเพื่อรับมือกับประชาชนในประเทศโดยเฉพาะ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไม่ใช่ทหารอาชีพ พวกเขาเป็นกองกำลังหน่วยพิเศษในระบบกำลังสำรองของกองทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ว่าการมลรัฐ และสำนักงานกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ National Guard Bureau ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนกลางของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จัดเป็นกองกำลังส่วนหนึ่งของประเทศ ประกอบไปด้วย 2 หน่วยงานหลักคือ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ กองทัพบก (The Army National Guard) และกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ กองทัพอากาศ (Air National Guard) ส่วนสาเหตุที่ไม่มี Navy National Guard กับ Marine National Guard นั้นเพราะตามกฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกา หมวดที่ 10 ว่าด้วยเรื่องบทบาทของกองทัพให้กองทัพเรือและเหล่านาวิกโยธินเป็นกองกำลังรบนอกประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มี Navy National Guard กับ Marine National Guard ส่วนเหล่ายามฝั่ง (Coast Guard) ยิ่งไม่ใช่ไปใหญ่ กำลังพลของ National Guard แม้จะถูกฝึกเหมือนทหารทุกอย่าง แบบเดียวกับทหารประจำการ (Active Duty) ในกองทัพบกและกองทัพอากาศสหรัฐฯ และมีระบบอาวุธเหมือนกองทัพ แต่ต่างกันตรงที่พวกเขาเหล่านั้น “ไม่ใช่ทหารอาชีพ” หรือ ทหารกองประจำการปกติ (ถึงแม้ว่าบางรายจะสมัครใจไปรบนอกประเทศ) ที่ทำงานเต็มเวลา อารมณ์ประมาณเหมือนคนทำงาน Part-Time ซะมากกว่า ไม่ต้องเข้างานเต็มเวลาก็ได้ ด้วยความที่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯไม่ให้ใช้กำลังทหารภายในประเทศ ทำให้ National Guard ขึ้นตรงกับผู้ว่าการรัฐต่างๆ การจะใช้กำลังของ National Guard จะต้องมีการประกาศใช้ State of Emergency มีเหตุจำเป็นที่ต้องเรียกตัวไป (ใช่แล้วครับ จันทร์ถึงศุกร์คุณอาจจะเป็นหมอฟัน ครูสอนคณิตศาสตร์ ช่างซ่อมรถ นายธนาคาร ฟรีแลนซ์ หรืออะไรก็ตาม แต่วันหยุดคุณสามารถเปลี่ยนบทบาทมาเป็นนักบินขับไล่ นักบินเฮลิคอปเตอร์ ทหารราบ ทหารม้า หรือทหารปืนใหญ่ได้ทั้งนั้น) ซึ่งภารกิจหลักๆ ของ National Guard จึงเป็นการรักษาความสงบและช่วยเหลือด้านความมั่นคงภายในรัฐที่ประจำอยู่เป็นหลัก โดยมีหน้าที่หลักคือ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในมลรัฐตามคำสั่งของผู้ว่าการมลรัฐ เช่น การเข้าควบคุมสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉิน อาทิ การจลาจล การก่อการร้าย และการบรรเทาสาธารณภัยจากภัยพิบัติต่างๆ ส่วนหน้าที่ในระดับชาติ ก็คือการปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาลกลาง เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ หรือ ภาวะสงคราม เป็นต้น โดยหน่วยงาน National Guard ทั้งหมดจะขึ้นตรงต่อ National Guard Bureau และขึ้นตรงกับผู้ว่าการรัฐ อีกทีนึง ที่ผ่านมา กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เคยเข้าควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในประเทศมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในปี ค.ศ. 1970 มีการเข้าควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม ที่มหาวิทยาลัยเคนท์สเตท มลรัฐโอไฮโอ เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 4 รายจากการใช้กระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม จากฐานข้อมูลในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิสหรัฐ พบว่า เท่าที่ผ่านมาในรอบกว่า 1 ศตวรรษ เคยมีการใช้อำนาจประธานาธิบดี สั่งการเรียกพลจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เข้าควบคุมเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศสหรัฐประมาณ 12 ครั้ง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยการประท้วงเรียกร้องสิทธิพลเมือง อาจกล่าวได้ว่า กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ คือกองทหารของมลรัฐและเขตปกครองพิเศษของสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและบรรเทาสาธารณะภัยภายในมลรัฐเป็นหลัก ไม่ใช่การทำสงครามกับศัตรูภายนอกประเทศโดยตรง และแม้ว่าจะถูกฝึกหรือให้รับมือกับการจลาจลและประชาชนมาโดยเฉพาะ แต่การที่พวกเขาสามารถใช้อาวุธปราบปรามผู้ชุมนุมหรือใช้อาวุธในการควบคุมสถานการณ์ ก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียถึงชีวิตขึ้นได้ บางคนเรียกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิว่า “ทหารบ้าน” ทำหน้าที่ควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยในมลรัฐที่สังกัดอยู่ ส่วนหนึ่งก็เป็นประชาชนคนธรรมดาที่ไปรับการฝึกแล้วมาทำงานในค่ายเป็นบางเวลาเท่านั้น ต่างกับกำลังพลที่ทำเต็มเวลามักจะเป็นนายทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตร หากพิจารณาในโครงสร้างทางทหารของกองทัพบกอเมริกัน กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ( National Guard ) หรือบ้างก็เรียกกันว่า ‘กองกำลังพิทักษ์ชาติ’ มีสถานะเป็นกำลังสำรองในระบบของกองทัพสหรัฐ กองกำลังส่วนนี้อยู่ในอำนาจความรับผิดชอบโดยตรงของผู้ว่าการรัฐ คือเป็นกำลังพลทหารที่ขึ้นอยู่กับผู้ว่าการรัฐต่างๆ และผู้ว่าในแต่ละรัฐสามารถประกาศระดมพลเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉินได้ตามที่ต้องการ ในส่วนงบประมาณนั้น กองกำลังส่วนนี้ได้รับงบสองทางจากทั้งกระทรวงกลาโหมและจากรัฐนั้นๆ แต่ในกรณีที่มีสถานการณ์ฉุกเฉินขนาดใหญ่ รัฐบาลกลางสามารถใช้อำนาจในการระดมพลของกองกำลังป้องกันชาติ หรือนอกจากนั้นในกรณีพิเศษ ได้เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การช่วยเหลือประชาชน การสนับสนุนกองทัพในด้านต่าง ๆ การฝึกร่วม/ผสมระหว่างประเทศ โดยสรุปแล้ว กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจะทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจตามที่ผู้ว่าการรัฐหรือประธานาธิบดีกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจด้านความมั่นคงต่างๆ ที่จะเป็นหน้าที่ของกองกำลังพิทักษ์รัฐ โดยกำลังพลเป็นพลเรือนที่ทำงานอื่นเต็มเวลาและมารับงานเป็นกองกำลังพิทักษ์รัฐนอกเวลา และจะเข้ารายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ถ้ามีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยผู้ว่าการรัฐหรือประธานาธิบดีมีคำสั่งเรียกระดมพล สำหรับกองทัพสหรัฐนั้นจะรับหน้าที่และภารกิจในการป้องกันประเทศและการรบนอกประเทศเท่านั้น แม้ว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) จะไม่ได้เป็นทหารเต็มตัวเหมือนทหารประจำการปกติ และถึงแม้กำลังพลบางรายจะสมัครใจไปรบในอัฟกานิสถานและอิรักมาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั้นก็พร้อมเสมอ เมื่อประเทศชาติต้องการพวกเขา สมดั่งคำขวัญที่ว่า “Always Ready, Always There!” |
Related Posts
Food, Inc. ภาพสะท้อนความเลวร้ายและล้าหลังของอุตสาหกรรมอาหารในอเมริกา
นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมานั้น ใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ที่สุดจากการเกษตร Food, Inc. คือสารคดีที่พาเราไปสํารวจ ‘ต้นทุนที่มองไม่เห็น’ ของอุตสาหกรรมอาหารในอเมริกาอย่างใกล้ชิดทุกแง่มุมผ่านการถ่าย-และแอบถ่ายโรงเลี้ยงไก่ โรงเลี้ยงวัว โรงฆ่าหมู โรงฆ่าวัว และบทสัมภาษณ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแทบทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรรายย่อย นักรณรงค์มาตรฐานความปลอดภัยในอาหาร นักเขียนหนังสือขายดีเกี่ยวกับอาหาร และซีอีโอบริษัทอาหารออร์แกนิก น่าเสียดายที่สารคดีเรื่องนี้ขาดมุมมองของผู้บริหารบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ที่ ถูกเปิดโปง ไม่ว่าจะเป็น เพอร์ดู ไทสัน หรือมอน ซานโต เนื่องจากผู้บริหารบริษัทเหล่านี้ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ สารคดีเรื่องนี้ตั้งต้นจากปัญหาใหญ่ด้านสุขภาพของคนอเมริกัน คือโรคอ้วนและโรคที่เกี่ยวข้องกับความอ้วนเช่น โรคเบาหวานและโรคหัวใจ ด้วยความที่อาหารแคลอรีสูงและอาหารรสหวานจัดเป็นอาหารที่ถูกที่สุดในอเมริกา ประกอบกับวิถีชีวิตติดทีวี ติด อินเทอร์เน็ต จนไม่ออกกําลังกาย ทําให้ปัจจุบันเด็กอเมริกันกว่า 1 ใน 3 เป็นโรคอ้วน อัตราส่วนนี้สูงถึง 1 ใน 2 ในเด็กชนกลุ่ม น้อย ซึ่งมักจะทํางานหาเช้ากินคํ่าและมีรายได้น้อยที่สุดในสังคม พวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลเวลาป่วยเป็น ‘โรคคนรวย’ ที่ค่ารักษาแพงมากอย่างโรคเบาหวาน ในเมื่ออาหารฟาสต์ฟู้ดมีราคาถูกกว่าอาหารสดและอาหารสุขภาพมาก แถมยังไม่ต้องนํากลับไปปรุงเองที่บ้าน ผู้บริโภครายได้น้อยย่อมมีแรงจูงใจที่จะซื้ออาหารฟาสต์ฟู้ดมากกว่า ซึ่งปัญหาใหญ่ที่ Food, Inc. ชี้ให้เห็นคือ ราคาอาหารที่ถูกมากไม่ได้เกิดจากความสามารถในการประหยัดจากขนาด (Economies […]
วรัญชิต แสนใจวุฒิ
June 20, 2021สิบความพิเศษของ Starbucks ดินแดนอาทิตย์อุทัยที่ไม่น่าเหมือนกับประเทศไหนในโลก
ประเทศญี่ปุ่นมีสตาร์บักส์กว่า 1,434 สาขา ซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับไทยที่มีแค่ 343 สาขาเท่านั้น ที่สำคัญ สตาร์บักส์ในประเทศญี่ปุ่นเป็นเชนร้านกาแฟระดับโลกที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกด้วย สตาร์บักส์ที่ญี่ปุ่นมีเรื่องสนุกๆ และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจและต่างจากเมืองไทยอยู่ค่อนข้างมาก ลองมาดูกันว่าหลายๆ เรื่องที่สตาร์บักส์ญี่ปุ่นแตกต่างจากไทยเหลือเกินนั้นมีอะไรบ้าง 1 บาริสต้าในร้านร้อยละ 80 พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เนื่องจากชาวญี่ปุ่นส่วนมากไม่พูดภาษาที่สอง ทำให้การสื่อสารด้วยภาษากลางอย่างภาษาอังกฤษเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดังนั้น สตาร์บักส์ญี่ปุ่นจะเตรียมเมนูแบบเล่มให้ไว้ลูกค้าจิ้มสั่งได้เลย 2 สตาร์บักส์ญี่ปุ่นไม่มีชาเขียวเย็น ที่สตาร์บักส์ญี่ปุ่นมีเมนูชาเย็นแค่ 2 รายการเท่านั้นคือ ชา (ดำ) เย็น และชาส้มยูสุเย็น (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมนู Teavana) ส่วนที่เหลือจะเป็นชาร้อนทั้งสิ้น ทั้งชาเขียวมัจฉะลาเต้ (ถ้าสั่งว่า Green Tea บาริสต้าจะไม่เข้าใจ) โฮจิฉะลาเต้ และอื่นๆ และสตาร์บักส์ที่ญี่ปุ่น ไม่มีเมนูชามะนาวเย็น แต่ถ้าอยากกินชาเขียวเย็นแบบไทยจริงๆ คุณหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไปในรูปแบบแก้วเพียง 100 เยนเท่านั้น 3 วิธีจัดการคิวที่เสียเวลาน้อยกว่า แต่เป็นระเบียบมากกว่า ในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก (ส่วนมากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์) สตาร์บักส์ญี่ปุ่นมีวิธีจัดการคิวคือ ให้ลูกค้าต่อแถวเป็นสองแถว แถวแรกเป็นแถวสั่งเมนู ถ้าสั่งและชำระเงินแล้วให้เก็บใบเสร็จไว้ จึงไปต่อแถวที่สองเพื่อรอรับออเดอร์ตามลำดับการชำระเงิน […]
Behind The Scene Editorial Staff
June 13, 2021บทวิเคราะห์ European Super League เมื่อในวันที่โลกลูกหนังถูกหมุนด้วยเงินตรา
“น่ารังเกียจ น่ารังเกียจเป็นที่สุด” คือทรรศนะของแกรี่ เนวิลล์ อดีตแบ๊คขวาระดับตำนานของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดออกโรงจวกการกระทำของอดีตต้นสังกัดเมื่อครั้งยังสมัยค้าแข้งเป็นรายแรกๆ หลังจากที่มีการแถลงการจัดตั้งอภิมหาโปรเจกต์ครั้งใหม่ที่ชื่อยูโรเปี้ยน ซูเปอรร์ลีก (ESL) ที่มีหัวเรี่ยวหัวแรงรวบรวมโคตรทีมมาร่วมสังฆกรรมในมหรสพลูกหนังฉากใหม่นี้ ‘ฟอเรติโน่ เปเรส’ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด จาก ลา ลีกา สเปน ควบตำแหน่งประธานการแข่งขันรายการนี้อีกหนึ่งตำแหน่ง ประกอบกับทีมบิ๊กเนมจากลีกต่างๆ อาทิ บาร์เซโลน่า แอตเลติโก มาดริด จากลีกลา ลีกา สเปน หรือยูเวนตุส เอซี มิลา อินเตอร์ มิลาน จากลีกเซเรีย เอ อิตาลี แม้แต่กลุ่ม ‘บิ๊กซิกส์’ จากพรีเมียร์ลีกอังกฤษคือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซน่อล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสเปอร์ นอกจากนี้ยังมีอีกสามทีมที่ถูกส่งเทียบเชิญไปอีกเช่นเดียวกันอีกสามทีมที่คาดว่าจะเป็น บาร์เยิน มิวนิค และโบรุสเซียดอร์ทมุนต์ จากลีกบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่ได้ปัดตกคำเชิญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการโต้ตอบจาก UEFA และ FIFA […]